Monday 31 July 2006

Before the Call กับ Siebel CRM On Demand

Before the Call บริษัทผู้นำด้าน intelligence solution สำหรับ on-demand sale ประกาศว่า sales intelligence suite ของบริษัทสามารถใช้ร่วมกับ Siebel CRM On Demand ได้แล้ว ผู้ใช้ Siebel CRM On Demand สามารถใช้ Before the Call เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพด้านการขายได้

Before the Call ถูกออกแบบมาเพื่อให้ทีมขายทำงานได้มีประสิทธิภาพมากขึ้น ลูกค้าสำคัญของบริษัทมีทั้ง Interwoven (content management), Intervoice (automated customer service solutions) และ AngelPoints (Web-based volunteer management software)

ลูกค้าสามารถ deploy Before the Call และ Siebel CRM On Demand ได้ง่ายและรวดเร็ว โดยไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายด้าน IT เพิ่มเติม และยังสามารถใช้ Before the Call โดยไม่ต้องออกจาก Siebel CRM On Demand ด้วย

ผู้บริหารของบริษัท อ้างว่า การรวมกันครั้งนี้ทำให้ Before the Call เป็นบริษัทแรกที่ยกระดับซอฟต์แวร์จาก sales intelligence ไปเป็น on-demand CRM ระดับ enterprise นอกจากนี้ Before the Call ยังมีรูปแบบการใช้เหมือน Siebel CRM On Demand ด้วย ซึ่งช่วยสร้างความคุ้นเคย
ให้กับผู้ใช้ Seibel เดิม

ที่มา http://biz.yahoo.com/prnews/060731/sfm027.html?.v=58

Sunday 30 July 2006

Oracle Fusion Middleware ทำรายได้ทะลุพันล้าน

Oracle ประกาศรายได้จาก Oracle Fusion Middleware ทะลุ 1 พันล้านเหรียญแล้ว โดยมีรายได้จาก license เพิ่มขึ้น 57% จากปีที่แล้ว
ประธาน Oracle กล่าวว่า Oracle Fusion Middleware ได้รับความสำเร็จอย่างมาก ทั้งๆที่เมื่อ 5 ปีที่แล้วเราไม่ได้อยู่ในตลาดนี้ ความสำเร็จนี้ช่วยเพิ่มจุดแข็งในด้าน infrastructure software business ให้กับ Oracle และความสามารถของเราจะเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง

Oracle Fusion Middleware ทำรายได้รวมทั้งหมด (ค่า license+ ค่า maintenance) ในปีงบประมาณ 2006 มากกว่า 1 พันล้านเหรียญ รายได้นี้ยังไม่รวมค่า training, education และบริการอื่นซึ่งก็เพิ่มขึ้นด้วย Fusion Middleware ช่วยให้ลูกค้าสร้าง และจัดการ SOA บนสภาพแวดล้อมที่แตกต่างกันได้ ปัจจุบัน Oracle Fusion Middleware มีลูกค้ากว่า 31,000 รายซึ่งอยู่ในอุตสาหกรรมหลายประเภท ไม่ว่าจะเป็น financial services, telecommunications, manufacturing, retail, pharmaceuticals และ health care นอกจากนี้ยังได้รบการสนับสนุนจากบริษัทอื่นๆ อีกกว่า 9,000 บริษัท

ที่มา http://www.timesofmalta.com/core/article.php?id=235029

Friday 28 July 2006

IntelliJ IDEA 6.0 Beta Released

JetBrians (www.jetbrains.com) ออก IntelliJ IDEA 6.0 Beta และ JetBrains TeamCity 1.0 ซึ่งเป็นระบบสนับสนุนการเขียนโปรแกรมแบบเป็นทีม (team management system)

IntelliJ IDEA 6.0 และ TeamCity สามารถทำงานแยก หรือร่วมกันก็ได้ ถ้าใช้ร่วมกันจะช่วยเพิ่มประสิทธิผล และคุณภาพของโค้ดได้อย่างมากIntelliJ IDEA ออกแบบมาสำหรับเขียนโปรแกรมคนเดียว แต่ด้วย TeamCity ทำให้สามารถพัฒนาแอพพลิเคชันด้วย IntelliJ IDEA แบบเป็นทีม
ได้ TeamCity ที feature ดังนี้
-Continuous Integration Support -- จัดระเบียบโค้ดที่ใช้ทดสอบซึ่งใช้ใน JUnit หรือ NUnit
-Delayed Commit -- ช่วยในด้านการควบคุมเวอร์ชันของโค้ด(version control)
-Effective Build Management -- มี Build Grid ซึ่งเป็นเครื่องมือช่วยในการ build และเลือกประเภทการ build แอพพลิเคชัน โดยสนับสนุน
build tool หลายแบบ ได้แก่ Ant, Maven, NAnt, MSBuild
-Code Coverage analysis -- วิเคราะห็ความครอบคลุม และครบถ้วนในการทดสอบซอร์สโค้ด
-Static Code Analysis -- ตรวจสอบซอร์สโค้ดแบบระยะไกลได้(Remotely verify)
-Web-based Interface -- จัดการ และกำหนดค่า config ผ่านเว็บบราวเซอร์

ส่วน IntelliJ IDEA 6.0 ก็มี feature ใหม่ๆ คือ
-รองรับ EJB 3.0 และ Persistence Units และการนำโค้ดจาก EJB เวอร์ชันเก่ามาใช้
-สนับสนุน JSF และ Struts framework
-การพัฒนาเว็บในรูปแบบใหม่ คือ JavaScript, AJAX, HTML/CSS, XML
-มี plug-in ไว้พัฒนา web app ด้วย Google Web Toolkit
-ใช้ร่วมกับ app server ได้หลายเจ้า เช่น WebLogic 9 และ WebSphere
-GUI designer ช่วยเพิ่มความเร็วในการสร้าง GUI ด้วย Swing และ third-party layout manager อื่นๆ
-IDE Talk เครื่องมือช่วยในการประสานระหว่างเพื่อนร่วมทีม เช่น ส่งข้อความ, exceptions, code pointers และ code
-มีเครื่องมือช่วยทดสอบโปรแกรม เช่น code coverage และ JUnit 4

สนใจ download มาใช้ได้ที่ www.jetbrains.com/downloads.html

ที่มา http://in.sys-con.com/read/253018.htm

Thursday 27 July 2006

Oracle, SAP, IBM จับมือกันพัฒนา SOA specifications

กลุ่ม software vendor ชั้นนำซึ่งมี IBM, SAP และ Oracle อยู่ด้วย ประกาศความก้าวหน้าในการพัฒนา specification ของการเขียนโปรแกรมรูปแบบใหม่(language-neutral programming model) สำหรับพัฒนา application ภายใน SOA environment

SOA เป็นแนวทางการพัฒนาระบบ IT โดยนำ software และservice กลับมาใช้ใหม่(reuse) และกำลังเป็นที่นิยมในองค์กรต่างๆ มากขึ้นเรื่อย
แต่การ deploy web service และการรวม SOA technology ของ third-party ต่างๆ ยังเรื่องที่ยากอยู่

EA Systems, IBM, Oracle และ SAP จึงร่วมมือกันพยายามพัฒนา programming model แบบใหม่เพื่อให้สร้าง application บน SOA ได้ง่ายขึ้น โดยก่อตั้งกลุ่ม Open Service Oriented Architecture(www.osoa.org) ขึ้นมา กลุ่มนี้กำลังพัฒนาอยู่ 2 โครงการ คือ service
component architecture (SCA) และ service data objects (SDO)

SCA เน้นไปที่การกำหนดรูปแบบ สำหรับการสร้าง และรวม service component เพื่อพัฒนา SOA ขณะที่ SDO ทีเป้าหมายเพื่อหาวิธีการจัดการข้อมูลภายใน SOA application ทางกลุ่มตั้งเป้าว่าจะกำหนด spec เสร็จภายในสิ้นปีนี้

กลุ่มนี้เริ่มงานตั้งแต่เดือนพฤศจิกายนปีที่แล้ว มีเป้าหมายเพื่อพัฒนา soa spec ที่นำไปใช้ได้ง่าย และสนับสนุนหลายๆเทคโนโลยี ปัจจุบัน SCA specification สนับสนุน BPEL, PHP,Spring และ EJB แล้ว ปัจจุบันมีสมาชิกกว่า 17 องค์กร และกำลังมีเพิ่มอีก 9 รวมทั้ง Sun และ Red Hat ด้วย

ที่มา http://www.computerworld.com.au/index.php/id;344051677;fp;4;fpid;1398720840

Oracle Warehouse Builder 10g Release 2

Oracle ออก Oracle Warehouse Builder 10g Release 2 สำหรับการออกแบบฐานข้อมูล และ ETL (Extraction, Transformation and Load) เครื่องมือนี้ช่วยลูกค้าจัดการ lifecycle ของข้อมูล และ metadata ตั้งแต่เริ่มออกแบบ ไปจนถึง deployment และ maintenance ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
เวอร์ชันนี้มี feature ที่สำคัญเกี่ยวกับ data quality, integration และ administrative เหมาะอย่างยิ่งกับลูกค้าที่กำลังหา เครื่องมือเพื่อใช้ออกแบบ, deploy และจัดการข้อมูลใน data intregration project และ BI system

OWB ได้รวม Oracle Database 10g เข้าไปด้วยโดยไม่คิดเงินเพิ่ม
OWB สามารถออกแบบได้ทั้งฐานข้อมูลแบบ relational และ OLAP นอกจากนี้ยังใช้ร่วมกับฐานข้อมูลอื่น รวมทั้ง E-Business Suite, PeopleSoft Enterprise และ SAPได้ด้วย แต่ต้องซื้อ connector เพิ่ม

OWB มีทั้ง linux และ window version ดูได้ที่
http://www.oracle.com/technology/software/products/warehouse/index.html

หมายเหตุ Extraction, Transformation และ Load (ETL) เป็นกระบวนการในการทำ data warehouse คือ

  • ดึง (Extract) ข้อมูลจากแหล่งข้อมูลภายนอก
  • แปลง (Transform) ข้อมูลที่ได้ให้อยู่รูปที่ธุรกิจสามารถนำไปใช้ได้
  • เก็บ (Load) ข้อมูลนั้นลง data warehouse

ที่มา http://www.oracle.com/corporate/press/2006_jul/072606-owb-10gr2-finalsite.html

http://en.wikipedia.org/wiki/Extract%2C_transform%2C_load

Wednesday 26 July 2006

SAP ออก Safe Passage หวังแย่งลูกค้าจาก Oracle

SAP วางแผนตอกย้ำชัยชนะที่มีต่อ Oracle ด้วยการออก Safe Passage เวอร์ชัน 2 ซึ่งเป็น migration program มีเป้าหมายเพื่อแย่งลูกค้าที่ใช้ PeopleSoft และ JD Edwards (JDE) application มาจาก Oracle เนื่องจากลูกค้าไม่มั่นใจในอนาคตของบริษัทหลังจาก Oracle เข้ามาซื้อกิจการ

โปรแรม Safe Passage มีทั้งการ maintenance และ software support สำหรับโซลูชันของ PeopleSoft และ JDE ซึ่งจะทำผ่านบริษัท TomorrowNow ที่ SAP ซื้อมาไม่นาน ซึ่งบริษัทนี้ก็เชี่ยวชาญด้านนี้อยู่แล้ว SAP ยังเสนอแผนการ และวิธีการการย้ายจาก Oracle platform มาใช้ SAP platform ด้วย

ภายใต้โปรแกรม safe passage องค์กรจะรัน PeopleSoft และ JDE บน SAP NetWeaver platform ซึ่งมีตัวเชื่อมต่อ (connector) ระหว่างโซลูชันของ JDE และ PeopleSoft องค์กรจึงได้รับประโยชน์อย่างเต็มที่จากการรวมระบบของตัวเองให้ทำงานบน platform เดียวกัน

นอกจากนี้ SAP ยังอ้างว่า 70% ของธุรกรรม (business transaction) ที่ใช้ SAP ในอเมริกา ย้ายมาจากลูกค้าของ Oracle เดิม อย่างไรก็ตามช่วงไตรมาสที่ 2 Oracle มีส่วนแบ่งการตลาดเพิ่มขึ้นมากกว่า SAP โดยเพิ่มจาก 8.8% เป็น 10% ขณะที่ SAP เพิ่มจาก 21.4%เป็น 21.7% นักวิเคราะห์ยังชี้ด้วยว่าราคาของโปรแกรมนี้ทำให้ลูกค้าที่จะย้ายมาใช้ SAP ต้องคิดหนักอยู่ดี

ที่มา http://www.sap.com/company/press/press.epx?pressID=3715
http://www.marketwatch.com/News/Story/Story.aspx?dist=newsfinder&siteid=google&guid=%7BAFD856E4-F086-41D3-9915-4FC69C21378B%7D&keyword=

Tuesday 25 July 2006

Cayenne 1.2 ORM engine

Cayenne team ประกาศออก Cayenne 1.2 ซึ่งเป็น open source ORM engine เทียบเคียงได้กับ hibernate ORM tool ชื่อดัง โดยเวอร์ชันนี้สนับสนุนเว็บเวอร์วิสด้วย

จุดเด่นที่สำคัญของ Cayenne คือ Remote Object Persistence ซึ่งสามารถเข้าถึงข้อมูลบนแอพพลิเคชันต่างเครื่องได้ (remote application) โดย server และ client ใช้ abstract object model และ Cayenne persistence API อันเดียวกัน ส่วน feature อื่นก็คล้าย ORM ทั่วไป เช่น สนับสนุน custom query, XML (de)serialization of persistent object, lazy resolution, local caching ,มีการตรวจสอบประเภท และเวอร์ชันของฐานข้อมูลให้แบบอัติโนมัติ และมี "smart" configuration สำหรับ database adapter ด้วย

หลายคนวิจารณ์ว่า Cayenne เหมาะกับการพัฒนา web application มากกว่า hibernate แต่ว่า hibernate ดีกว่าในเรื่องการใช้ primary key กับ foreign key ในฐานข้อมูลแบบเก่า เพราะ Cayenne เน้นไปที่การออกแบบโดยใช้ designe pattern มากกว่า อย่างไรก็ตามบางคนก็อ้างว่า Cayenne ใช้ง่าย และพัฒนาได้เร็วกว่า hibernate เพราะ มี feature schema generation และ code generation ไม่จำเป็นต้องเขียน XML mapping file

สนใจ download มาใช้ได้ที่ http://incubator.apache.org/cayenne/download.html

ที่มา http://www.theserverside.com/news/thread.tss?thread_id=41372

Saturday 22 July 2006

Compass 1.0 Search Engine Framework

ทีมพัฒนา OpenSymphony และ Compass(http://www.opensymphony.com) ประกาศออก Compass 1.0
ซึ่งเป็น Java Search Engine Framework ที่พัฒนาบน Lucene(http://lucene.apache.org) มี feature สำคัญดังนี้
-ลดความซับซ้อนของการทำงาน และโครงร่าง(configuration) ของ search engine
-search engine สนับสนุนทรานแซกชันแบบ fast update
-อิมพลีเมนต์ JDBC Lucene directory ช่วยให้สามารถเก็บ index ลงฐานข้อมูลได้
-RSEM (Resource/Search Engine Mapping) ซึ่งใช้ในการกำหนดคุณสมบัติของทรัพยากร(resource) ในระบบ
-OSEM (Object/Search Engine Mapping) ใช้ Annotations และ Xml เพื่อ map Object เข้ากับทรัพยากร คล้าย ORM
-XSEM (Xml/Search Engine Mapping) เป็นการ map ระหว่างโครงสร้างข้อมูล xml กับ search engine โดยใช้ xpath และ XmlObject abstraction
-ORM tools integration สามารถใช้ compass ร่วมกับ ORM tool ได้แก่ Hibernate, JPA ,JDO และ OJB (Apache ObJectRelationalBridge http://db.apache.org/ojb)
-Spring Framework integration ใช้ร่วมกับ Spring 2.0 ได้ด้วย

สนใจ download ได้ที่ http://www.opensymphony.com/compass/download.action

overview ซึ่งอ่านแล้วได้ความรู้ดีมาก เพราะอธิบายข้อเสียของการค้นหาปกติที่ใช้ SQL/ HQL / EJBQL แนวคิดของ Lucene และความจำเป็นที่แอพพลิเคชันควรใช้ Search engine รวมทั้งความรู้ทั่วไปเกี่ยวกับ Search engine ด้วย น่าสนใจมาก
ดูได้ที่ https://compass.dev.java.net/files/documents/4669/36943/file_36943.dat?filename=Compass%20TSSJS%20Europe%20%30%36%2epdf&nbsp

ที่มา http://www.theserverside.com/news/thread.tss?thread_id=41453

Friday 21 July 2006

Accenture ทุ่มงบวิจัย SOA

Accenture(www.accenture.com) บริษัท consult ชื่อดัง ออกรายละเอียดเกี่ยวกับการวิจัย และบริการใหม่ๆ เพื่อช่วยลูกค้าอิมพลีเมนต์ SOA บริษัทลงทุนไปกว่า 450ล้านเหรียญ เพื่อสร้างห้องทดลอง SOA Innovation ในชิคาโก ห้องทดลองนี้มีไว้ทดสอบ SOA application ที่ถูก customise ให้เข้ากับธุรกิจแบบต่างๆ

Accenture กำหนด SOA implementation เอาไว้ 4 เฟส คือ planning ,organisation ,tactical implementation และ culminate Accenture กล่าวว่าบริษัทส่วนใหญ่ล้มเหลวตั้งแต่ 2 เฟสแรก การพัฒนา SOA เป็นเรื่องยาก และใช้เวลาหลายปี ในห้องทดลองเราได้วิจัยวิธีการในการพัฒนาในแต่ละเฟสค้นหาอุปสรรคที่เกิดขึ้น เพื่อนำข้อมูลไปแก้ปัญหาที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต

Accenture ยังออกบริการเพื่อช่วยลูกค้าที่ต้องการพัฒนา SOA ด้วย บริการมีทั้ง SOA Assessment (www.accenture.com/Global/Services/By_Subject/Service_Oriented_Architecture/Services/ServiceOrientedModel.htm)
และแนวทางในการพัฒนา(roadmap) ซึ่งอยู่ในรูป web-based tool เพื่อใช้ประเมินความพร้อมของลูกค้าในการก้าวสู่ SOA และสนับสนุนการพัฒนา business case ด้วย

ที่มา http://www.itweek.co.uk/itweek/news/2160698/accenture-seeks-bigger-soa-role

สร้าง executable java application ด้วย Excelsior JET

Excelsior JET 4.5 อิมพลีเมนต์ด้วย Java SE 5.0 ออกแบบมาเพื่อป้องกัน java app ถูก reverse engineering และช่วยในการติดตั้ง Java software โดยไม่ต้องใช้ JRE Excelsior JET ทำงานเข้ากันได้ทั้ง window และ linux platform

Excelsior JET ทำงานโดยการคอมไพล์ Java class และไฟล์ jar ให้เป็น native machine code และสร้าง executable สำหรับ window หรือ linux และยังมี JIT compiler สำหรับจัดการ class ที่ไม่สามารถ precompile ได้ เช่น dynamic proxy class นอกจากนี้ยังมี toolkit เอาไว้สร้าง installer ด้วย

ด้วยการที่ Java app ต้องการ JRE ในการทำงาน การลง JRE ก่อน ซึ่งอาจสร้างสับสนให้ผู้ใช้ และเกิดปัญหาจาก JRE ที่เวอร์ชันต่างกันได้ Excelsior JET ช่วยแก้ปัญหาข้างต้น โดยรวม JRE เข้ากับ application แปลง java code เป็น machine code และสร้าง native executable สำหรับ window หรือ linux โดยไม่ต้องใช้ JRE ซึ่งช่วยเพิ่มความเร็วในการทำงานของ application ได้อย่างมาก และยังสามารถป้องกันการ decompile ได้ด้วย

Excelsior JET 4.5 มี optimizer พิเศษ ทำให้นักพัฒนาสามารถเลือก Java library ที่จะคอมไพล์ native code ได้ ส่วน Java library ที่เหลือจะถูกบีบอัดด้วยอัลกอลิทึมพิเศษ มีผลให้ application มีขนาดลดลงถึง 30-40% ดูรายละเอียดได้ที่ http://www.excelsior-usa.com/jetdownsize.htm

download trial version ได้ที่ http://www.excelsior-usa.com/jetdleval.html

ที่มา http://in.sys-con.com/read/249900.htm

Thursday 20 July 2006

Java ตอบโต้ Java EE ยังอยู่ได้อีกนาน

บิล ร็อธ รองประธานของ BEA Workshop Unit ออกมาตอบโต้ คำสัมภาษณ์ของ Burton Group ที่ว่า JavaEE จะเสื่อมความนิยมเพราะความซับซ้อน และไม่สนับสนุน SOA โดยบอกว่า J2EE จะอยู่คู่กับ enterprise software ไปอีกนาน และที่บอกว่า Java EE จะตายเป็นการกล่าวเกินจริง ความซับซ้อนสร้างโอกาสทางธุรกิจที่ทำอะไรได้ง่ายขึ้น นอกจากนี้ BEA และ vendor อื่นๆ กำลังสร้างเครื่องมือช่วยให้นักพัฒนาทำงานง่ายขึ้น บนความซับซ้อนของ Java EE อยู่แล้ว

ทาง IBM ก็ตอบโต้ว่า ถึงจะมีปัญหาความซับซ้อน แต่ไม่ได้หมายความว่า JavaEE จะต้องสูญพันธุ์

ส่วน JBoss กล่าวว่า ความซับซ้อนของ Java EE platform เป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ เพราะมันถูกออกแบบมาให้ทำงานทุกแบบครอบจักรวาลตั้งแต่ Ajax Web application ง่ายๆ ไปจนถึง financial services application ที่ต้องรับมือกับ transaction จำนวนมาก อย่างไรก็ตาม ก็เห็นด้วยที่ว่า J2EE ซับซ้อนเกินไป แต่ Java EE 5 ได้ลดความซับซ้อนลงแล้ว

ขณะที่รองประธานฝ่าย Enterprise Java platform ของ Sun กล่าวว่า เกิดความสับสนระหว่างความซับซ้อนของ platform กับของ programming model ตัว platform และ application server นั้นซับซ้อนอยู่แล้ว แต่ว่า programming model ได้ปรับปรุงให้ง่ายขึ้นในเวอร์ชันล่าสุดแล้ว นักพัฒนาไม่จำเป็นต้องยุ่งกับความซับซ้อน โดยปล่อยให้เป็นหน้าที่ของ tool

ที่มา http://searchwebservices.techtarget.com/originalContent/0,289142,sid26_gci1201062,00.html

Wednesday 19 July 2006

Oracle ออก patch แก้ไขช่องโหว่ 65 แห่ง

Oracle ออก patch เพื่อแก้ไขปัญหา security ในซอฟต์แวร์ของตัวเอง

patch ครอบคลุมปัญหาทั้ง database, application server และ e-business suite นอกจากนี้ patch บางตัวยังแก้ปัญหา software client ที่ใช้กับ Oracle database ด้วย โดยมีช่องโหว่ถึง 23 แห่งใน database server และอีก 4 แห่งใน client ส่วนใน Application Server มี 10 แห่ง E-Business Suite อีก 20 แห่ง Enterprise Manager 4 แห่ง PeopleSoft's Enterprise portal 2 แห่ง JD Edwards software 1 แห่ง และยังมี patch ที่แก้ช่องโหว่ที่ Oracle เผลอปล่อยข่าวออกมาเมื่อเดือนเมษายนที่ผ่านมาด้วย (http://news.com.com/Oracles+oops+on+security+flaw/2100-1002_3-6060128.html)

ช่องโหว่จำนวนมากเกี่ยวข้องกับ network protocol ที่ใช้ใน Oracle's database ซึ่งเป็น protocol ที่ Oracle พัฒนาขึ้นมา ชื่อว่า Oracle Net

download patch ได้ที่ http://www.oracle.com/technology/deploy/security/critical-patch-updates/cpujul2006.html

ส่วน patch ครั้งต่อไปจะออกวันที่ 17 ตุลาคมนี้

ที่มา http://www.techworld.com/security/news/index.cfm?newsID=6476&pagtype=samechan

OMG ยอมรับ SysML เป็นส่วนหนึ่งของ UML

OMG (Object Management Group) ประกาศยอมรับ SysML (Systems Modeling Language) เป็นภาษามาตรฐานสำหรับออกแบบซอฟต์แวร์โดยจะผูกเป็นส่วนหนึ่งของ UML 2.0

SysML เป็นภาษาโมเดลเชิงแผนภาพ (graphical modeling language) สำหรับกำหนด วิเคราะห์ ออกแบบ และตรวจสอบระบบที่ซับซ้อน ซึ่งมีทั้งฮาร์ดแวร์ ซอฟต์แวร์ ข้อมูล บุคคล กระบวนการ และทรัพยากรทั้งหมดในระบบ SysML ช่วยวิศวกรระบบ (systems engineer) แทน system requirement ด้วยรูปภาพได้

OMG กล่าวว่า ความสำเร็จของ SysML แสดงถึงความสามารถของ Model Driven Architecture (MDA) ในการนำมาใช้พัฒนาซอฟต์แวร์ การนำ SysML มารวมกับ UML จะช่วยเพิ่มควาสามารถให้ UML ในการวิเคราะห์ระบบที่ซับซ้อน

SysML ใช้ MDA, UML และยังใช้ XMI (XML Metadata Interchange) specification ซึ่งเป็นรูปแบบข้อมูลของแผนภาพ เพื่อให้สามารถแลกเปลี่ยนข้อมูล หรือใช้แผนภาพ SysML ข้าม tool ได้

การยอมรับ SysML ของ OMG เป็นก้าวสำคัญของวิศวกรรมระบบโดยการใช้โมเดล (model-driven approach) มาช่วยในการพัฒนาระบบ IT ภาษาโมเดลมาตรฐานเหล่านี้สำคัญอย่างยิ่งสำหรับการเพิ่มประสิทธิภาพในการสื่อสารระหว่างนักพัฒนาในทีม ทำให้ tool ต่างๆ สามารถทำงานเข้ากันได้ และเพิ่มประสิทธิภาพในการจัดการระบบที่ซับซ้อนด้วย

ดูเพิ่มเติมได้ที่ http://www.omgsysml.org

ที่มา http://www.eweek.com/article2/0,1895,1985817,00.asp

Tuesday 18 July 2006

ทดสอบเว็บแอพพลิเคชันด้วย Parasoft WebKing 5.5

Parasoft ออก WebKing 5.5 เครื่องมือทดสอบเว็บแอพพลิเคชัน โดยจะทดสอบ และวิเคราะห์เว็บแอพพลิเคชันให้แบบอัติโนมัติ ครอบคลุมการทำงาน 4 แบบ คือ Web site risk analysis, functional testing, load and performance testing และ security analysis ช่วยให้นักพัฒนามั่นใจได้ว่าเว็บแอพพลิเคชันมีเนื้อหา ความเชื่อถือได้(reliability) ประสิทธิภาพ และความปลอดภัยตามที่ผู้ใช้ต้องการ

ด้วยการใช้ WebKing 5.5 นักพัฒนาไม่ต้องเขียนสคริปต์ทดสอบด้วยตัวเอง โดยจะมี gui ช่วยสร้างให้ นอกจากนี้ยัง feature ไว้สร้างรายงานแบบ HTML เพื่อแสดง Web application functionality, accessibility, corporate branding security และ standards compliance ให้ด้วย

Parasoft WebKing 5.5 มีเวอร์ชันสำหรับ Windows 2000, Windows XP, Linux และ Solaris ราคาเริ่มต้นที่ 3995 เหรียญ ดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ http://www.parasoft.com/jsp/products/home.jsp?product=WebKing

http://www.eweek.com/article2/0,1895,1986548,00.asp

Monday 17 July 2006

Oracle อัพเดต PeopleTools สนับสนุน SOA

PeopleTools เป็นภาษาประเภท 4GL* ที่ PeopleSoft คิดขึ้นเพื่อเอาไว้คอสโตไมซ์ ERP suite ของตัวเอง
ล่าสุดที่ Oracle ออกมา คือ เวอร์ชัน 8.48 มีการปรับปรุงให้สนับสนุน SOA และมาตรฐานของเว็บเซอร์วิส
เช่น WSDL,UDDI,WS-Security, BPEL และ WS-Addressing

ความจริงแล้ว PeopleSoft application สามารถใช้เว็บเซอร์วิสผ่าน PeopleTools อยู่แล้ว แต่ต้องใช้
adapter เพื่อเปลี่ยน APIs เป็น WSDL แต่เวอร์ชัน 8.48 นี้เป็นลักษณะ native support ทำให้ไม่ต้องใช้
adapter นอกจากนี้ PeopleTools ยังสนับสนุน Fusion middleware ทั้ง appserver, portal,XML
Publisher และ BPM (business process management) ด้วย

PeopleTools ยังมี change impact analyzer ซึ่งเป็น feature ใหม่ เอาไว้จำลองสถานการณ์ในกรณีใช้
patch หรือ upgrade แอพพลิเคชันด้วย

*4GL(fourth-generation programming language) - เป็นภาษาที่ออกแบบเพื่อจุดประสงค์เฉพาะ เช่น
เพื่อพัฒนาซอฟต์แบร์ทางธุรกิจ หรือการคิวรีฐานข้อมูล เป็นต้น ตัวอย่างก็เช่น ABAP, SQL ,SPSS เป็นต้น (http://en.wikipedia.org/wiki/4GL)

ที่มา http://www.cbronline.com/article_news.asp?guid=6882DA45-D161-4DDC-B622-8A

IBM ออกโซลูชันสำหรับผู้ใช้ Oracle's JD Edwards

IBM ออกโซลูชันใหม่สำหรับ small and medium business (SMB) ที่ใช้ Oracle's JD Edwards EnterpriseOne application โซลูชันนี้เน้นที่ราคาถูกเพื่อให้เหมาะกับ smb แต่ก็รองรับผู้ใช้ได้ไม่เกิน 100 คนเท่านั้น

โซลูชันนี้พัฒนาบน System i business computing platform(www-03.ibm.com/systems/i) ซึ่งประกอบด้วย hardware ,software และ disk storage เพื่อรองรับการใช้งาน application สำหรับผู้ใช้ 100 คนโดยเฉพาะ

System i Solution Edition นี้ช่วยให้ลูกค้าจัดการระบบ IT ง่ายขึ้น โดยใช้ความรู้ด้านเทคนิคน้อยลง ราคาถูก นอกจากนี้สามารถใช้ร่วมกับ radio frequency identification (RFID) ได้ด้วย

IBM System i 520 Solution Edition สำหรับ Oracle's JD Edwards EnterpriseOne application จะออกขายวันที่ 11 สิงหาคมนี้ ราคาเริ่มต้นที่ 21,921 เหรียญ ดูรายละเอียดเพิ่มได้ที่ www.ibm.com/systemi

ที่มา http://smeit.com.sg/ShowPage.aspx?pagetype=2&articleid=3914&pubid=3&tab=Home&issueid=92

Thursday 13 July 2006

SweetDEV RIA 1.0

Ideo Technologies ออก SweetDEV RIA 1.0 เครื่องมือพัฒนา Rich Internet Application(RIA) สำหรับ J2EE platform

SweetDEV RIA ประกอบด้วย Ajax tag เพื่อช่วยนักพัฒนาสร้าง rich GUI ในเว็บแอพพลิเคชัน โดยมี widget ให้ใช้มากมาย เช่น Datagrid, Combo multi-select, Virtual window, Click to open, Expand/Collapse, Excel export, Treeview, Calendar, Menu, Tabsheet เป็นต้น นอกจากนี้ตัว Datagrid เองยังมี feature สำคัญอื่นๆอีก คือ
-Drag and drop columns resizing
-Automatic datagrid resizing
-Fast scroll datasets
-Columns multisorting,
-Line with expand / collapse to show/hide details,
-Excel Export,
ฯลฯ
SweetDEV ใช้ร่วมกับ JSP page ,Struts และ JSF framework ได้ และไม่จำเป็นต้องมีเชี่ยวชาญ JavaScript ก็ใช้ได้

download มาใช้ได้ที่ http://www.sweetdev-solutions.com

ที่มา http://opensource.sys-con.com/read/246388.htm

Wednesday 12 July 2006

สร้าง service repository ด้วย CentraSite

Fujitsu Computer Systems และ Software AG ร่วมมือกันพัฒนา service repository สำหรับเก็บข้อมูลเกี่ยวกับ service(metadata) ขององค์กรเพื่อที่แต่ละแผนกในองค์กรสามารถใช้ service หรือ business process ร่วมกันได้ registry จะเก็บข้อมูลของ business process ไว้ ช่วยให้นัก พัฒนาค้นหา และ reuse เซอร์วิสเหล่านี้ได้โดยง่าย เรียกว่ารองรับแนวคิด SOA เต็มๆ

repository นี้ชื่อว่า CentraSite(http://www.softwareag.com/Corporate/products/centrasite/default.asp) เป็น metadata repository เพื่อรองรับ service-oriented architecture (SOA) platform โดยเฉพาะ
CentraSite Enterprise Edition มี UDDI v3.0 search โดยใช้ metadata model ในการค้นหา service , JAXR interface สำหรับติดต่อกับ UDDI registry, WebDAV ไว้ติดต่อ SOA repository, reporting modules, AJAX interface และ Eclipse Registry Browser เรียกได้ว่า CentraSite เป็น private UDDI registry (private หมายถึงใช้เฉพาะในองค์กร ถ้า public ใครๆก็ใช้ได้ เช่น XMethod ของ IBM) แบบพิเศษก็ว่าได้

CentraSite ถูกออกแบบให้ทำงานร่วมกับ Fujitsu Interstage Suite, Software AG's crossvision SOA suite และ SOA solution จากค่ายอื่นๆแต่ยังไม่แน่ชัดว่าจะใช้ได้กับ SAP AG และ Oracle หรือไม่

ที่มา http://www.informationweek.com/news/showArticle.jhtml?articleID=190302281

Tuesday 11 July 2006

ผลสำรวจชี้องค์กรกว่า 90% เริ่มใช้ SOA

Aberdeen benchmark ทำการสำรวจพบว่าบริษัทถึง 9 ใน 10 เริ่มนำ SOA มาใช้แล้ว ทั้ง SOA planning, design และ programming โดยการสำรวจจากผู้เชี่ยวชาญด้าน IT และธุรกิจกว่า 120 บริษัท พบว่า SOA เติบโตอย่างต่อเนื่อง และได้รับการยอมรับอย่างกว้างขวางโดยเฉพาะในองค์กรขนาดใหญ่ (องค์กรที่รายได้อย่างน้อย 1 พันล้านเหรียญต่อปี) โดย SOA ถูกมองว่าเป็น technology ที่มาช่วยแก้ปัญหา integration โดยเฉพาะที่เกิดขึ้นในองค์กรขนาดใหญ่ได้

อย่างไรก็ตามก็พบว่า 40% ของงบประมาณสำหรับ IT หมดไปกับ การ redesign business process, IT integration และ customizationนั่นคือ SOA ยังใช้ต้นทุนที่สูงพอสมควรทีเดียว

การสำรวจพบว่าองค์กรต่างๆ มีแนวทางการใช้ SOA อยู่ 3 วิธี คือ
-SOA "Lite" : วิธีนี้ใช้ open-source programs และ industry standard เป็นเครื่องมือในการ implement เหมาะสำหรับบริษัทขนาดเล็ก มี
integration ไม่มาก และใช้ Web service ง่ายๆ
-Enterprise SOA: ใช้ SOA middleware กับงานที่สำคัญมากๆ (mission-critical) และมี installation ที่ซับซ้อน เหมาะสำหรับบริษัทขนาด
กลางถึงใหญ่
-SOA ERP : วิธีนี้ใช้กับบริษัทขนาดกลางถึงใหญ่ จะใช้ SOA เป็น extension ของ ERP application software

นอกจากนี้ผลการสำรวจยังบอกอีกว่า การใช้ SOA middleware ในช่วงกลางปี 2006 ที่ผ่านมา เน้นไปที่การใช้ enterprise services buses(ESBs) ซึ่งเป็น middleware สำหรับเชื่อมต่อ และจัดการ business process

ที่มา http://www.linuxelectrons.com/article.php/20060714142211576

สร้าง Java Web Apps ด้วย Visual Basic และ JavaScript!!

feature สำคัญของ Java 6(Mustang) ซึ่งตอนนี้เป็น beta อยู่ คือ สนับสนุนภาษาอื่นให้ทำงานบน JVM ได้
เป้าหมายแรกอยู่ที่ JavaScript โดยทำให้ JavaScript เรียกใช้ library ของ Java และ Java ก็สามารถ call back ไปยัง JavaScriptได้ภายใน application เดียวกัน

ในงาน JavaOne วันอังคารที่ผ่านมา Sun ประกาศ 2 project ใหม่ คือ
1. Project Semplice เป้าหมายเพื่อเอา Visual Basic language มารันบน Java platform โดยเอา code VB มา compile เป็น Java class เพื่อรันบน Java 6 VM
ในงานมีการแสดงตัวอย่างโดยใช้ pre-release version Java Studio Creator เพื่อสร้าง web app ด้วย JSF ที่เขียน backing-bean ด้วย VB
ซึ่ง code VB นี้สามารถเรียกใช้ JSF component อื่นที่เขียนด้วย JAVA ได้ด้วย

2.Project Phobos (https://phobos.dev.java.net/) มีเป้าหมายเพื่อให้เขียน server-side application logic ด้วย JavaScript ได้
โดยจะแทรกใน html(เหมือนกับ php หรือ jsp) หรือแยกออกมาเป็น "helper" script ก็ได้

เมื่อทั้ง 2 project นี้สมบูรณ์ developer จะมีทางเลือกในการพัฒนา web app มากขึ้น ซึ่งปัจจุบันก็มี framework มากมายอยู่แล้ว
ดู demo ต่างๆ ในงาน JavaOne ได้ที่ http://java.sun.com/javaone/sf/sessions/general/index.jsp

ที่มา http://www.sitepoint.com/blogs/2006/05/19/write-java-web-apps-in-visual-basic-or-javascript/

นักวิเคราะห์ชี้ Java EE อยู่ได้ไม่เกิน 5 ปี

นักวิเคราะห์ชี้ Java EE อยู่ได้ไม่เกิน 5 ปี เพราะ SOA และ ความซับซ้อนของ Java EE เอง

Richard Monson-Haefel นักวิเคราะห์ของ Burton Group (www.burtongroup.com)และผู้แต่งหนังสือ J2EE Web Services บอกว่า 5 ปีถัดจากนี้ Java EE จะไม่เป็น platform หลักในการพัฒนา application อีกต่อไป นายคนนี้ให้เหตุผลว่า Java EE platform มีความซับซ้อนมากขึ้นเรื่อยๆ เกินกว่าที่นักพัฒนาจะเอาไปใช้ได้ หลายฝ่ายจึงหันไปใช้ Ruby-on-Rails แทน ในไม่ช้า Java EE จะหายไปจากตลาดเหมือนที่เคยเกิดขึ้นกับ CORBA(Common Object Request Broker Architecture) ซึ่งสุดท้ายก็ไม่มีใครสนับสนุน และใช้อีกต่อไป

Monson-Haefel ไม่ใช่คนเดียวที่พูดแบบนี้ Jason Bloomberg นักวิเคราะห์ ZapThink(www.zapthink.com) กล่าวว่า ทุกครั้งที่ Java EE ออกเวอร์ชันใหม่ หรือมีการเพิ่ม module มันเป็นเพียงเพิ่มความซับซ้อนเท่านั้น สุดท้ายมันจะพังลงมาด้วยน้ำหนักของตัวเอง Jason Bloomberg ซึ่งเป็นผู้เชี่ยวชาญ SOA และ Web services ยังบอกด้วยว่า SOA จะเป็นปัจจัยที่ทำให้ Java EE หมดความสำคัญลง เพราะ Java EE ไม่ได้ถูกสร้างเพื่อรองรับ SOA โดยเฉพาะ Java มีหลายองค์ประกอบทั้ง OO programming language, virtual machine และ Java EE แต่ว่าสิ่งเหล่านี้ไม่เหมาะสมกับ SOA platform เลย

Object orientation (OO) ที่ใช้ใน Java EE ไม่เหมาะกับ service orientation ที่เป็นหัวใจของ SOA ในมุมมองของ OO นั้น service และ service instance เป็นสิ่งเดียวกัน ขณะที่ object instance เป็นเพียงสิ่งเล็กๆใน SOA เท่านั้น virtual machine ก็ไม่เหมาะกับ SOA เพราะ virtual machine มีเป้าหมายเพื่อ code portability(เขียน code ครั้งเดียวทำงานได้ทุกที่) ขณะที่ SOA มีเป้าหมายที่ interoperability (การทำงานร่วมกันได้ของระบบที่ต่าง platform กัน) นั่นคือ portable code อาจช่วยให้รัน code ได้หลายที่(window หรือ linux) แล้วใช้ RMI เรียกเอา แต่ SOA แลกเปลี่ยนข้อมูลผ่าน interface ซึ่งผู้รับ-ส่ง จะเป็น java code หรือไม่ก็ได้ ดังนั้น portable code จึงแทบไม่มีความสำคัญอีกต่อไป

Monson-Haefel ยังบอกด้วยว่า service orientation ยังทำให้ความจำเป็นที่ต้องมี platform เดียว เช่น Java EE หมดไปอีกด้วย SOA และ web service แทบไม่สนว่า backend จะทำงานด้วยอะไร แต่เน้นไปที่ interface ที่ใช้ติดต่อกัน เช่น xml หรือ http

ข่าวนี้ก็ฟังหูไว้หูละกันนะครับ

ที่มา http://searchwebservices.techtarget.com/originalContent/0,289142,sid26_gci1198211,00.html

เก็บ Object ลงฐานข้อมูลด้วย Perst

Perst เป็นฐานข้อมูลแบบฝังตัว (embedded database) ขนาดเล็ก โดยเก็บข้อมูลในรูป Object ซึ่งสนับสนุนทั้งภาษา Java และ C# นักพัฒนาสามารถนำ Perst มารวมกับ application ได้ คล้ายกับ JavaDB

Perst ต่างจาก database ทั่วไปที่เป็น O/R database หรือต้องใช้ O/R mapping Perst สามารถเก็บข้อมูลในรูป Java/C# object ได้โดยตรง ซึ่งช่วยลด overhead ในการ map ข้อมูลได้อย่างมาก
Perst ยังมี API ที่สะดวก ใช้ง่าย และยืดหยุ่น นอกจากนี้ยังมีขนาดเล็ก โดยตัว engine มีขนาดเพียง 5000 loc(line of code) และตอนทำงานก็ใช้ memory เพียง 30K ถึง 300K เท่านั้น Perst ยังสนับสนุน transaction และการกู้ข้อมูลด้วย

Perst สร้างโดยบริษัท McObject ซึ่งก่อตั้งโดยผู้เชี่ยวชาญด้าน embedded database และ real-time system มีลูกค้ารายใหญ่หลายราย เช่น Motorola, Boeing, DaimlerChrysler, EADS, JVC, Tyco Thermal Controls, F5 Networks และ Genesis Microchip

ดูรายละเอียดเพิ่มได้ที่ http://www.mcobject.com/perst/

ที่มา http://www.prweb.com/releases/2006/7/prweb409449.htm

Monday 10 July 2006

SMB เลือกใช้ Oracle มากกว่า SAP

ธุรกิจขนาดเล็ก และขนาดกลาง(small and middle business:SMB) เลือกใช้ Oracle มากกว่า SAP เพื่อสร้าง application ที่ยืดหยุ่น scalabel
และราคาไม่แพงเกินไป บริษัทที่ว่ามาก็เช่น Amylin Pharmaceuticals, Carter & Burgess, Da Stuart Company, Haemonetics,
Humanscale, Thales Corp., Town Sports International and Riverbed Technology

บริษัทเหล่านี้เลือก Oracle หลังจากประเมินแล้วว่า Oracle มีความเชี่ยวชาญ software ในงานหรือธุรกิจเฉพาะด้าน , deployment ที่รวดเร็ว และต้นทุนที่ต่ำกว่า SAP
Oracle Application ช่วยให้กระบวนการธุรกิจ (business process) ขององค์กรสามารถขับเคลื่อน และเชื่อมโยงกันได้ Oracle เสนอการจัดการ
อย่างมีประสิทธิภาพในงานธุรกิจต่างๆ เช่น customer interactions, financial management, human resources และ supply chain
management

นอกจากนี้ยังมี Oracle Fusion for SAP (OFF SAP) ซึ่งทำให้ลูกค้าหันมาใช้ Oracle มากขึ้น โดยเสนอ solution แก่ลูกค้าที่ใช้ SAP
R/3 แต่ต้องการเปลี่ยนมาใช้ Oracle application ทั้งนี้ SAP ต้องการให้ลูกค้า upgrade จาก SAP R/3 เป็น mySAP ERP หรือ mySAP
Business Suite เพื่อ implement application ใหม่ ทำให้ลูกค้าต้องเสียค่าใช้จ่าย และเวลาเป็นอันมาก ซึ่งนับเป็นโอกาสของ Oracle ที่จะแย่ลูกค้า
SAP มาได้

ที่มา http://www.noticias.info/asp/aspComunicados.asp?nid=198933&src=0

Oracle support ลูกค้า Red Hat

Oracle เริ่มขยายฐานธุรกิจสู่ตลาด Linux โดยเสนอการ support ให้ลูกค้า Red Hat Oracle บอกว่ามีเป้าหมายที่ลูกค้าของ Red Hat โดยเสนอการ support Linux Red Hat ที่ดีกว่า ราคาถูกกว่า Red Hat ทำ และลูกค้าของ Red Hat เริ่มไม่พอใจกับการ support ของ Red Hat ด้วย

เมื่อต้นปีที่ผ่านมา Oracle บอกว่าต้องการมี OS ของตัวเองเมื่อให้ผลิตภัณฑ์ของตัวเองครอบคลุม software ทุกระดับชั้น(complete stack) แต่เมื่อเดือนที่ผ่านมากลับประกาศว่า Oracle ไม่ต้องการสร้าง OS ใหม่ หรือพัฒนา Linux ของตัวเอง เพราะว่าไม่ต้องการให้ Linux มีเวอร์ชันหลายมากเกินไป

การแย่งฐานลูกค้าของ Red Hat ครั้งนี้ อาจเป็นจุดเปลี่ยนยุทธศาสตร์ของ Oracle ซึ่งก่อนหน้านี้มักมีร่วมมือกับ Red hat เป็นอย่างดี โดยเฉพาะการสนับสนุนให้ลูกค้าของตัวเองใช้ Red Hat อย่างไรก็ตาม การที่ Red Hat ซื้อ JBoss ถูกมองว่าเป็นการเคลื่อนไหวเพื่อแข่งขันกับบริษัท software ขนาดใหญ่ อย่างเช่น Oracle ขณะที่ Oracle เองก็มีข่าวว่าพยายามจะซื้อ Novell ผู้ผลิต SuSE ซึ่งเป็นคู่แข่งของ Red Hat เช่นกัน

ที่มา http://www.itp.net/news/details.php?id=21250&category=

Friday 7 July 2006

MyEclipse 5.0 ออกแแล้ว

Genuitec ออก MyEclipse 5.0 แล้ว สนับสนุน Eclipse 3.2 MyEclipse เป็น Eclipse plug-in สำหรับพัฒนา Web application โดย version นี้สนับสนุน AJAX, JavaServer Pages และ Struts ด้วย

จุดเด่นของ version 5 คือ มี Matisse4MyEclipse สำหรับสร้าง user interface ซึ่งพัฒนามาจาก NetBeans Matisse technology ช่วยให้สร้าง UI เร็วขึ้นนอกจากนี้ยังมี framework สำหรับพัฒนาเว็บเซอร์วิสโดยใช้ wizard ด้วย ซึ่ง framework นี้พัฒนามาจาก XFire (http://xfire.codehaus.org/) SOAP framework

feature อื่นๆ ก็มี
-สนับสนุน Microsoft SQL Server และ Sybase database รวมทั้งใช้ trigger และ stored procedure ได้ด้วย
-สามารถแก้ไขข้อมูลใน database table ได้โดยตรง และแก้ไขได้หลาย table พร้อมกัน
-มีเครื่องมือออกแบบเว็บ (visual Web designer tool) บน Linux และ Mac OS X

MyEclipse 5.0 ราคา 31.75 เหรียญสำหรับ standard edition ส่วน professional edition ซึ่งมีเครื่องมือหลายอย่างเพิ่มมาเช่น JavaScript debugger และ UML ราคา 52 เหรียญ

ที่มา http://www.computerworld.com.au/index.php/id;1020890348;fp;4;fpid;1968336438

Thursday 6 July 2006

YAWL -- Yet Another Workflow Language

YAWL (Yet Another Workflow Language : http://www.yawl.fit.qut.edu.au) เป็น open-source workflow language หรือภาษาสำหรับกำหนดกระบวนการทางธุรกิจ คล้ายภาษาบีเพล (BPEL) YAWL project ก่อตั้งโดยทีมวิจัยของมหาลัยควีนส์แลนด์(Queensland University)

YAWL เป็น solution เกี่ยวกับ BPM (businesss process management) หรือการจัดการ และควบคุมกระบวนการทางธุรกิจ YAWL มีเป้าหมายเพื่อสนับสนุนการกำหนด วิเคราะห์ และ execute กระบวนการทางธุรกิจ (businesss process : bp) และช่วยให้การกำหนด bp ง่ายขึ้นโดยตัดส่วนเทคนิคที่ไม่จำเป็นในการสร้าง bp ออกไป เพื่อให้ business analyst (BA) สามารถสร้าง bp ได้ด้วยตัวเอง โดยไม่จำเป็นต้องพึ่งพา programmer bp ที่ได้จึงเหมาะสม และตรงตามเป้าหมายขององค์กรมากที่สุด

YAWL ประกอบด้วย open source engine และ GUI editor ซึ่งเขียนด้วย Java ทั้งคู่ YAWL ใช้ XML Schema, XPath, XQuery และ XForms เพื่อจัดการข้อมูล นอกจากนี้สนับสนุน SOAP, WSDL และการสร้าง dynamic workflow(การกำหนด web service ที่จะเรียกใช้ตอน run time) ด้วย YAWL จึงเป็นเครื่องมือช่วยในการพัฒนา soa นั่นเอง

ที่มา http://www.computerworld.com.au/index.php/id;396496377;fp;16;fpid;0

Wednesday 5 July 2006

Oracle วางแผนซื้อบริษัทในเอเชีย

Oracle วางแผนเตรียมซื้อบริษัทซอฟต์แวร์ในเอเชีย เพื่อเพิ่มส่วนแบ่งตลาด และเอาชนะ SAP ให้ได้ โดยในตลาดซอฟต์แวร์จัดการธุรกิจ(business-management software) SAP ครองส่วนแบ่งมากกว่า Oracle ถึง 24.3 พันล้านเหรียญ

Oracle บอกว่า กำลังสนใจหลายบริษัทในเอเชีย และวางแผนเตรียมซื้ออยู่ และยังบอกอีกว่าอะไรในโลกนี้ถ้าซื้อได้ ก็จะซื้อให้หมด (กะจะครองโลกหรือไง) ที่ผ่านมา Oracle ใช้เงินกว่า 19 พันล้านเหรียญ เพื่อซื้อบริษัทต่างๆ ในการต่อกรกับ SAP ซึ่งมีส่วนแบ่งตลาดในเอเชียถึง 72% ในปี 2005 ที่ผ่านมา นอกจากนี้ยังมีคู่แข่งในเอเชียที่สำคัญอย่างบริษัท Tata Consultancy Services(www.tcs.com/) ของอินเดียอีกด้วย ซึ่งเป็นบริษัท ซอฟต์แวร์ของอินเดียที่กำลังเติบโตขึ้นเรื่อย และที่สำคัญมีต้นทุนที่ถูกกว่า

ตรงข้ามกับ SAP ซื้อแต่บริษัทเล็กๆ เพื่อเพิ่มเทคโนโลยีที่ตัวเองไม่มีเท่านั้น SAP บอกว่าการซื้ออย่างบ้าเลือดของ Oracle ทำให้ลูกค้ากังวลเกี่ยวกับอนาคตของซอฟต์แวร์ที่พวกเขาใช้กันอยู่ และผลักดันให้หันมาใช้ SAP แทน

ในช่วงไตรมาสที่ 4 Oracle มียอดขายในเอเชียเพิ่มขึ้น 27% หรือ 684 ล้านเหรียญ เมื่อเทียบทั้งปีเพิ่มขึ้น 18% หรือ 2.02 พันล้านเหรียญ Oracle ยังถือหุ้นของบริษัท I-Flex Solutions ซึ่งเป็นบริษัทของอินเดียอยู่ 51% อีกด้วย

ที่มา http://www.bloomberg.com/apps/news?pid=20601103&sid=aE4n3Ozt9nXU&refer=us

Tuesday 4 July 2006

IDC สำรวจหลายบริษัทต้องการใช้ SOA

จากการสำรวจของ IDC รายงานว่ามีหลายบริษัทกำลังวางแผนลงทุนกับ service-oriented architecture (SOA) มากขึ้น โดยเฉพาะ software ที่เกี่ยวกับการจัดซื้อ บริษัทที่สำรวจส่วนใหญ่มองว่า SOA เป็นสิ่งจำเป็นอย่างยิ่งสำหรับระบบ IT และยุทธศาสตร์ทางธุรกิจ

นอกจากนี้ หลายบริษัทกำลังหา service vendor เพื่อช่วยบริษัท implement สถาปัตยกรรมระบบ(architecture)
IDC บอกว่า vendor ต่างๆต้องแสดงประโยชน์ และให้ความรู้เกี่ยวกับ SOA แก่ลูกค้าให้มากกว่านี้ รวมทั้งให้แนวทางในการใช้ด้วย

IDC ยังบอกอีกว่า หลายบริษัทพบว่า การพยายาม implement SOA ด้วยตัวเองทั้งหมดเป็นเรื่องที่ยากมากๆ จนเกือบเป็นไปไม่ได้เลย service vendor จึงมีบทบาทอย่างยิ่งในความสำเร็จของการใช้ SOA ของบริษัทต่างๆ

ที่มา http://www.mikrofax.com/news/Firms-looking-to-SOA-investment/430021572/17270202.html

Saturday 1 July 2006

Oracle กับภารกิจรวม software สร้าง Fusion middleware

Oracle ได้ซื้อบริษัทอื่นๆมากมายในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา บริษัทที่มีชื่อเสียง และใหญ่สุดคงหนีไม่พ้น PeopleSoft, JD Edwards และ Siebel แน่นอนว่าลูกค้าของบริษัทเหล่านี้ย่อมรู้สึกไม่มั่นใจว่า Oracle จะทำยังไงกับบริษัทที่ซื้อมา ลูกค้าหลายเจ้าจึงหนีไปหาบริษัทคู่แข่งอย่าง SAP Oracle จึงต้องพยายามรักษาลูกค้าไว้ โดยเมื่ออาทิตย์ก่อนประกาศ Project Genesis เพื่อรวม Oracle-Siebel ซึ่งจะเสร็จภายในเดือนกันยายน นอกจากนี้ยังได้ออก PeopleSoft Enterprise 9 ที่สามารถทำงานร่วมกับ Oracle technology ได้ดีขึ้น เพื่อสร้างความมั่นใจให้กับลูกค้าของ PeopleSoft

จะเห็นได้ว่าการควบรวมกิจการต่างๆของ Oracle ก็สร้างปัญหาให้ Oracle ไม่น้อย ทาง SAP เองก็อ้างว่ามีลูกค้าของบริษัทที่ Oracle ซื้อไปกว่า 100 ราย หันมาใช้ SAP แทน อย่างไรก็ตาม Oracle ก็ไม่สะทกสะท้านมากนัก เพราะ Oracle มีรายได้จาก application license ในช่วงไตรมาสที่ 4 เพิ่มขึ้นถึง 83%
หรือ 641ล้านเหรียญ แค่ Siebel อย่างเดียวก็ได้ถึง 81ล้านเหรียญ มากกว่าที่บริษัทประมาณการณ์ไว้ถึง 2 เท่า

Project Genesis เป็นความพยายามของ Oracle ที่จะเชื่อมการทำงานระหว่าง Siebel และ Oracle E-Business Suite applications(EBS) นั่นคือ Siebel Order กับ EBS Order, Siebel Opportunity กับ EBS Quote, Siebel Business Analytics กับ Oracle Financial Services Applications analysis software และ Siebel's CRM On Demand apps กับ Oracle EBS technology ทั้งหมดจะรวมเข้ากับ Oracle's Fusion middleware

อย่างไรก็ตาม Project Genesis เป็นเพียงการเชื่อมต่อระหว่าง application เพียงชั่วคราวเท่านั้น ทาง Oracle ได้ประกาศในการประชุม Oracle Application User Group เมื่อเดือนเมษาฯ ที่ผ่านมาว่า Oracle จะยังคง support E-Business Suite,PeopleSoft, JD Edwards และ Siebel application ต่อไป
จนถึงปี 2013 เป็นอย่างน้อย การรวม application ต่างๆ เป็นการเตรียมความพร้อมให้ลูกค้าสำหรับ Fusion middleware โดย Oracle มีเป้าหมายจะรวม application ต่างๆที่ซื้อมา เข้าไว้ใน Fusion ทั้งหมดเมื่อการกำหนดมาตรฐานข้อมูล, business process และ middleware semantic สำหรับ app เหล่านี้เสร็จเรียบร้อยแล้ว

นอกจาก PeopleSoft Enterprise 9 แล้ว Oracle ยังเตรียมจะออก Learning Management 9.0, PeopleSoft Enterprise Performance Management,PeopleSoft Financial and Human Capital Management ภายในปีนี้เพื่อตอกย้ำความมั่นใจให้ลูกค้าอีกด้วย

ผู้ใช้ PeopleSoft, JD Edwards และ Siebel software ต่างเรียกร้องให้การ upgrade ไปยัง Fusion นั้นทำได้ง่าย และ Project Genesis คือก้าวแรกของคำตอบนั้น Oracle จะทำได้แค่ไหนคงต้องรอดูกันต่อไป

ที่มา http://www.informationweek.com/shared/printableArticle.jhtml?articleID=189900021