ไม่พูดพร่ำทำเพลงไปดู 5 วิธีนี้เลยครับ
1. ใช้วิธีบีบอัด file ด้วย compressor
การใช้ composser ในที่นี้คือการนำ file javascript ที่มีอยู่ ไปให้ "JS Compressor" กรองคำต่าง ๆ เหล่านี้ออกไปเช่น white space, comment หรืออื่น ๆ การบีบอัดนี้จะทำให้ขนาด file ของ javascript ลดลงได้มากถึง 50% ผลที่ตามมาคือช่วยให้การโหลด javascipt เร็วขึ้น "ตัว JS Compresor" ที่แนะนำคือ JSMin จะให้ดูการทำงานของ compressor คร่าว ๆ ดังนี้
source code ที่ยังไม่บีบอัด
// is.js
// (c) 2001 Douglas Crockford
// 2001 June 3
// is
// The -is- object is used to identify the browser. Every browser edition
// identifies itself, but there is no standard way of doing it, and some of
// the identification is deceptive. This is because the authors of web
// browsers are liars. For example, Microsoft's IE browsers claim to be
// Mozilla 4. Netscape 6 claims to be version 5.
var is = {
ie: navigator.appName == 'Microsoft Internet Explorer',
java: navigator.javaEnabled(),
ns: navigator.appName == 'Netscape',
ua: navigator.userAgent.toLowerCase(),
version: parseFloat(navigator.appVersion.substr(21)) ||
parseFloat(navigator.appVersion),
win: navigator.platform == 'Win32'
}
is.mac = is.ua.indexOf('mac') >= 0;
if (is.ua.indexOf('opera') >= 0) {
is.ie = is.ns = false;
is.opera = true;
}
if (is.ua.indexOf('gecko') >= 0) {
is.ie = is.ns = false;
is.gecko = true;
}
source code ที่ผ่านการบีบอัดแล้ว
var is={ie:navigator.appName=='Microsoft Internet Explorer',java:navigator.javaEnabled(),ns:navigator.appName=='Netscape',ua:navigator.userAgent.toLowerCase(),version:parseFloat(navigator.appVersion.substr(21))||parseFloat(navigator.appVersion),win:navigator.platform=='Win32'}
is.mac=is.ua.indexOf('mac')>=0;if(is.ua.indexOf('opera')>=0){is.ie=is.ns=false;is.opera=true;}
if(is.ua.indexOf('gecko')>=0){is.ie=is.ns=false;is.gecko=true;}
2. พยายามที่จะลด file .js ลง อันไหนรวมกันได้ก็รวมกันไป
การเรียก file .js หนึ่ง file เข้ามาในหน้า web page จะเกิด http request ขึ้นหนึ่งครั้งต่อหนึ่ง file ลองคิดดูว่าถ้าในหน้า web page นั้นมีการอ้างถึง file .js หลายๆ file แสดงว่าต้องเกิด http request ขึ้นอีกหลายอัน ดังนั้น file .js ตัวไหนนั้น สามารถรวมกันเป็น file เดียวได้ก็ให้รวมกัน แต่ไม่ใช่ว่าจะเอาทุก .js ไปรวมกันเป็น file เดียวเพราะว่าอาจจะทำให้ file ตัวนั้นใหญ่เกินไปทำให้การเรียกนั้นก็ช้าลง
3. ลองใช้ tool พวก profiler และ tool ที่ใช้วัดเวลาการทำงานของ java script เรา
tool พวกนี้ที่จะแนะนำคือ Firebug ซึ่งเป็น plugin เสริมของ filefox นั้นเองผมว่า web developer ทุกคนคงมีกันอยู่แล้ว เจ้าตัวนี้สามารถ debug javascript ได้ด้วย ให้ลองตรวจดูว่า script ที่เราเขียนบางที่อาจจะรันได้จริง แต่ว่าทำงานช้าไปหรือเปล่า ลองให้ Firebug ตรวจดูว่ามันเป็นที่ตรงไหน แล้วเราจึงไปปรับปรุงแก้ไข code ตรงนั้น
4. การทำ asynchronize ให้กับ code javascript
ปกติแล้ว browser นั้น run javascript เป็นแบบ synchronously ในที่นี้คือหมายถึงว่า เมื่อ browser เจอ tag <script> การทำงานทุกๆสิ่งใน web page นั้นจะถูกหยุดไป จนกระทั่ง browser นั้นทำงาน tag <script> เสร็จ
แต่ถ้าหากว่าใน tag <script> เกิดมี code javascript ที่มีการทำงานที่นานขึ้นมา แสดงว่าส่วนอื่นนั้นจะไม่มีทางโหลดขึ้นมาได้เลย ดังนั้นเราควรที่จะเขียนให้ javascript เราเป็นแบบ asynchronize เพื่อที่จะไม่จำเป็นต้องรอให้ code javascript นั้นทำงานเสร็จก่อน ก็ให้ไปทำงานส่วนอื่น ๆ พร้อมกันเลย
การเขียนอย่างนี้เราจะใช้ function setTimeout() เข้ามาช่วย คือ setTimeout จะเรียก function ของ javascript ขึ้นมาทำงานในตามเวลาที่กำหนด และถ้ามีส่วนอื่นที่ทำงานอยู่ เมื่อถึงเวลามันก็จะทำงานไปพร้อมกับส่วนนั้นไป ซึ่งจะเห็นได้ว่าถ้าเราเอา setTimeout() เข้ามาช่วย browser ก็จะได้ไม่ต้องรอให้ function ที่ถูกเรียกธรรมดาทำเสร็จ ก็สามารถทำงานในส่วนต่อได้
ตัวอย่างการเรียก function แบบ asynchronize
function testfunc()
{
var x1="test1";
var x2="test2";
alert(x1+x2);
}
testfunc(); //normal way to execute the function
window.setTimeout(testfunc,0); //asynchronous execution of testfunc()
5. ควรระวังในการอ้างถึง DOM variable
เป็นที่รู้กันอยู่แล้วว่าการ binding ใน javascript มันช้า ดังนั้นการเขียน code ที่จะเข้าไป access ถึง IE DOM เมื่อเราเรียกในแต่ละครั้ง มันจะไป search เข้าไปในแต่ละ element ว่าเจอ DOM ที่เราต้องการเรียกหรือเปล่า ซึ่งถ้าใน element นั้นมี sub element ก็จะเข้าไปเรื่อย ๆ จนครบทุกส่วนใน element จึงไปยัง element ต่อไป ถ้า element เยอะก็จะช้าด้วย ดังนั้นการอ้างถึง DOM variable แต่ละครั้งนั้น ควรที่จะเรียกใช้อยากระมัดระวัง จะยกตัวอย่างที่เรียกใช้ DOM variable ที่ไม่ดีและที่ดีให้ดู
การเรียกใช้ DOM variable ที่ไม่ดี
function buildString()
{
var newElement = document.getElementById("myitem");
newElement.innerHTML = ""; // Clear out the previous
newElement.innerHTML += addHeader();
newElement.innerHTML += addBody();
}
การเรียกใช้ DOM variable ที่่ดี
ที่มา : http://www.whenpenguinsattack.com/2007/08/20/5-ways-to-speedup-javascript/
function buildString()
{
var newText = addHeader() + addBody();
document.getElementById(”myitem”).innerHTML = newText;
}